ด้วยไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหนัก การทานอาหารขยะ หรือการใช้ชีวิตในด้านอื่นๆ ล้วนทำให้เราเกิดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆมากมาย วันนี้เราจะมาแนะนำตัวช่วยในเรื่องของสุขภาพ ก็คือ เลซิติน กิฟฟารีน
เลซิติน คืออะไร
เลซิติน (Lecithin) คือสารประกอบระหว่างกรดไขมันจำเป็น ฟอสฟอรัส และวิตามินบี 2 ตัว ได้แก่ โคลีน(Choline) และอินอสซิตอล (Inositol) สามารถพบเลซิตินได้ในทุกเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ทั้งพืชและสัตว์ สำหรับร่างกายของมนุษย์นั้น จะพบมากในอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ ตับ ไต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมองมีเลซิตินเป็นส่วนประกอบมากถึง 30% ซึ่งเลซิตินจำเป็นต่อการควบคุมกระบวนการต่างๆ ภายในเซลล์ ให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปกติแล้วเราจะได้รับเลซิตินจากอาหารทั่วไป แต่อาจไม่เพียงพอที่ร่างกายต้องการ
มารู้จัก เลซิติน กิฟฟารีน
เลซิติน กิฟฟารีน (Lecithin Giffarine) ผสมแคโรทีนอยด์ และวิตามินอี ดูแลตับได้ 100%
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เลซิติน ผสมแคโรทีนอยด์ และวิตามิน อี ชนิดแคปซูลนิ่ม
ยี่ห้อ | กิฟฟารีน |
ปริมาณบรรจุ | 60 แคปซูล |
รูปแบบผลิตภัณฑ์ | แคปซูลแบบนิ่ม |
ส่วนประกอบสำคัญ | เลซิติน 1,200 มก. (ประกอบไปด้วยฟอสฟาติดิลโคลีน 192 มก.) มีเดียมเซนไตรกลีเซอร์ไรด์ 266.4 มก. มิกซ์แคโรทีนอยด์ 20.0 มก. ดีแอลฟาโทโคฟริลอะซีเตต 13.6 มก.(ให้วิตามินอี 14.96 IU) |
เน้นการดูแลตับ ปกป้องตับจากการเกิดภาวะไขมันพอกตับ สารฟอสฟาทิดิลโคลีน ในเลซิติน มีบทบาทในการบำรุงตับ โดยช่วยในการกำจัดไขมันออกจากเซลล์ตับ ยับยั้งการสะสมไขมันในเซลล์ตับ
เหมาะสำหรับ
✔️ ผู้ที่ต้องการการบำรุงตับ
✔️ ผู้ที่ต้องการการบำรุงสมอง
✔️ ผู้ที่ต้องการการปกป้องหลอดเลือดและหัวใจ
✔️ ผู้ที่ต้องการการบำรุงผิวพรรณ
✔️ ผู้สูงอายุ (50 ปีขึ้นไป)
ปัจจุบันทางการแพทย์ได้ใช้เลซิตินในการบำบัดโรคทางสมองต่าง ๆ เช่น
- พาร์กินสัน (Parkinson’s)
- อัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease)
- โรคทางสมองที่เกิดจากเซลล์ประสาทขาดสาร Acetylcholine หรือคนชราที่ป่วยเป็นโรคความจำเสื่อม
มีงานวิจัยพบว่า ผู้ป่วยบางคนอาจจะมีอาการดีขึ้นเมื่อได้รับประทานเลซิตินวันละ 25 กรัม เป็นเวลาหลาย ๆ เดือนติดต่อกัน และการศึกษาในผู้ที่เป็นโรคความจำเสื่อม (Alzheimer’s Disease) พบว่าการให้โคลีนเป็นระยะเวลา 6 เดือนจะช่วยให้ความจำดีขึ้นได้ หรือการให้โคลีนร่วมกับยาที่ใช้รักษา (Cholinesterase Inhibitors) ก็ทำให้มีการพัฒนาความสามารถที่ต้องใช้ความจำด้วย
สภาพสังคมในปัจจุบันคนส่วนใหญ่เกิดความเครียดสูง ทำให้เกิดอาการหลงลืม หงุดหงิด นอนไม่หลับ และอารมณ์เสียง่าย ซึ่งหากปล่อยไว้นาน ๆ อาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคเส้นประสาทเสื่อมได้ อาการดังกล่าวอาจบำบัดได้โดยการรับประทานเลซิติน
ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล (1,900 มก.)
ประกอบด้วย : เลซิติน 1,200 มก. (ประกอบไปด้วยฟอสฟาติดิลโคลีน 192 มก.)
มีเดียมเซนไตรกลีเซอร์ไรด์ 266.4 มก.
มิกซ์แคโรทีนอยด์ 20.0 มก.
ดีแอลฟาโทโคฟริลอะซีเตต 13.6 มก.(ให้วิตามินอี 14.96 IU)
วิธีใช้ : ทานวันละ 1 – 2 แคปซูล หลังอาหาร
มี 2 ขนาดบรรจุให้เลือกตามต้องการ
- บรรจุ 60 แคปซูล
น้ำหนักรวม : 185 กรัม - บรรจุ 30 แคปซูล
น้ำหนักรวม : 95 กรัม
เลซิติน กิฟฟารีน บำรุงตับ ป้องกันตับแข็งลดไขมันพอกตับ
เลซิติน (Lecithin) พบมากใน ไข่แดง ถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสง จมูกข้าวสาลี ซึ่งส่วนใหญ่อาหารที่มี เลซิตินสูง เช่น ไข่แดงก็มักจะมีคอเลสเตอรอลสูงด้วย ดังนั้นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเลซิตินจึงมักจะสกัดเลซิตินจากถั่วเหลือง เนื่องจากมีไขมันไม่อิ่มตัวสูง และปราศจากไขมันพวกคอเลสเตอรอล
ประโยชน์ของเลซิติน
ปัจจุบันมีการนำเลซิตินมาใช้มากมายเพื่อสุขภาพ ในวงการแพทย์ได้มีการศึกษาวิจัยพบว่า เลซิตินสามารถช่วยให้ลำไส้ลดการดูดซึมไขมันคอเรสเตอรอล และช่วยให้ขับถ่ายไขมันออกมาทางอุจจาระมากขึ้น สามารถทำให้ระดับของคอเลสเตอรอลในเลือดลดลงได้ โครงสร้างของเลซิตินยังมีสารประกอบที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งคือ โคลีน (Choline) ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างสารสื่อประสาทที่สำคัญของสมองคือ Acetylcholine หากร่างกายได้รับเลซิตินในปริมาณที่เพียงพอ ก็จะป้องกันและรักษาอาการผิดปกติของระบบประสาทบางประเภทได้
ตับเป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย ทำหน้าที่สำคัญหลายประการ เมื่อใดก็ตามที่ตับทำงานไม่เป็นปกติ เช่น ไขมันพอกตับ ตับอักเสบ ตับแข็ง จะเกิดอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ภูมิต้านทานต่ำ ขาดโปรตีน บวม เลือดออกง่าย แผลหายช้า น้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำกว่าปกติ ไขมันในเลือดสูง ท้องมาน อาการทางสมอง ไตวาย หัวใจวาย และส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของร่างกายในทุกระบบ
- ดูแลตับ ปกป้องตับจากการเกิดภาวะไขมันพอกตับ บำรุงตับ ป้องกันตับอักเสบ ป้องกันตับแข็ง
- ลดภาวะไขมันพอกตับ มีการศึกษากับผู้ป่วยที่ต้องได้รับอาหารทางหลอดเลือดดำโดยตรงเป็นเวลานาน
- ป้องกันโรคตับจากแอลกอฮอล์ มีการศึกษาในลิงบาบูนพบว่า เลซิตินสามารถป้องกันการเกิดโรคตับแข็ง
- บำรุงสมอง ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ เสริมสร้างความจำ และลดอาการอัลไซเมอร์ในระยะเริ่มต้น
- ลดการดูดซึมโคเลสเตอรอล ดูแลหลอดเลือดและหัวใจละลายไขมัน ป้องกันการตกตะกอนของไขมันในผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดแข็งและตีบตัน ป้องกันการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต
- ลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี เลซิตินจะเพิ่มความสามารถในการทำละลายของน้ำดี ทำให้สารแขวนลอยในน้ำดีไม่จับตัวเป็นก้อนจนกลายเป็นนิ่ว เพิ่มการหลั่งและการไหลเวียนของน้ำดี และลดค่าดัชนีไขมันอิ่มตัว (Cholesterol saturation index)
- ช่วยลดน้ำหนัก ลดไขมันสะสม โดยช่วยละลายไขมัน จึงเผาผลาญไขมันได้ดี
คำเตือนเรื่องการรับเลซิตินมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม การได้รับเลซิตินเพียงอย่างเดียว อาจแก้ปัญหาทางสุขภาพได้ไม่เพียงพอ เนื่องจากถึงแม้ว่า เลซิตินจะช่วยลดการสะสมไขมันที่ตับและผนังหลอดเลือดได้ แต่ยังคงหลงเหลือไขมันบางส่วนที่ยังสะสมอยู่ในเซลล์ดังกล่าว และยังมีไขมันบางส่วนในกระแสเลือดที่มีโอกาสเกิดการสะสมพอกพูนได้เพิ่มเติม ดังนั้น ร่างกายจึงต้องการสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงเพิ่มเติม เพื่อปกป้องไขมันเหล่านี้ไม่ให้เกิดการออกซิเดชั่น และลดการอักเสบของเซลล์ จึงลดโอกาสการเกิดไขมันพอกตับและผนังหลอดเลือดได้อีกทางนั่นเอง
กิฟฟารีนได้นำมาผลิตภายใต้มาตรฐาน GMP ผ่านการตรวจวิเคราะห์แล้วว่าปลอดเชื้อโรคปลอดสารพิษปลอดโลหะหนักจึง ปลอดภัย100%
ศึกษาเลซิตินเพิ่มเติมได้จากคลิปด้านล่าง
เลซิติน กิฟฟารีน (Lecithin) ช่วยบำรุงสมอง เสริมความจำ
จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของ ‘อเดลล์ เดวิส’ นักโภชนาการชาวสหรัฐฯ ได้รายงานว่าในร่างกายของคนที่มีสุขภาพดีจะมีสารเลซิตินอยู่ในสมองถึง 30% ของน้ำหนักทั้งหมด เลซิตินจึงมีความสำคัญต่อการบำรุงสมอง
ในปี 1975 นักวิทยาศาสตร์แห่งสถาบันเทคโนโลยี Massachusetts ค้นพบว่าโคลีนในเลซิติน เป็นสารจำเป็นที่ร่างกายจะนำไปใช้เพื่อสร้างสารสื่อประสาท (Neurotransmitters) ที่เรียกว่า อะเซทิลโคลีน (Acetylcholine) ที่จะช่วยในการส่งข้อมูลระหว่างเซลล์สมองแต่ละเซลล์ และระหว่างสมองกับการสั่งงานไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และทำหน้าที่ในการถ่ายทอดข้อมูลและความรู้สึกเพื่อให้แสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ได้ตามความต้องการของสมอง
ปัจจุบันการรักษาทางการแพทย์ได้ใช้เลซิตินในการบำรุงสมอง และบำบัดโรคทางสมองต่าง ๆ เช่น Parkinson’s Disease, Alzheimer’s Disease, Tardive Dyskinesia ซึ่งเป็นโรคทางสมอง ที่เกิดจากเซลล์ประสาทขาดสาร Acetylcholine หรือคนชราที่ป่วยเป็นโรคความจำเสื่อม พบว่าบางคนอาจจะมีอาการดีขึ้นเมื่อได้รับประทานเลซิติน วันละ 25 กรัม เป็นเวลาหลาย ๆ เดือนติดต่อกัน และการศึกษาในผู้ที่เป็นโรคความจำเสื่อม (Alzheimer’s Disease) ระยะเริ่มแรก พบว่าการให้โคลีนเป็นระยะเวลา 6 เดือนจะช่วยให้ความจำดีขึ้นได้ หรือการให้โคลีนร่วมกับยาที่ใช้รักษา (Cholinesterase inhibitors) ก็ทำให้มีการพัฒนาความสามารถที่ต้องใช้ความจำด้วย
สภาพสังคมในปัจจุบันคนส่วนใหญ่จะเกิดความเครียดสูง หลงลืม หงุดหงิด นอนไม่หลับ และอารมณ์เสียง่าย ซึ่งเป็นอาการเริ่มต้นของโรคเส้นประสาทเสื่อม พบว่าอาการดังกล่าวอาจบำบัดได้โดยการรับประทานเลซิติน