ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 กลายเป็นประเด็นร้อนในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน การมี เครื่องฟอกอากาศ ที่เหมาะสมจึงเป็นทางเลือกสำคัญ
ในการปกป้องตัวเองจากอันตรายของฝุ่นละออง ต่อไปนี้เป็นแนวทางการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่ดี
- ประสิทธิภาพการกรอง ให้เลือกเครื่องฟอกอากาศที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยดูจากค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) ที่สูง และมีระบบกรองแบบ HEPA ซึ่งสามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้ถึง 99.97%
- ขนาดพื้นที่ใช้งาน เลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ห้องที่ต้องการใช้งาน โดยทั่วไปแนะนำให้เลือกตามค่า CADR ประมาณ 2/3 ของขนาดพื้นที่ห้อง
- ระดับเสียง ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีระดับเสียงค่อนข้างเงียบในโหมดทำงานปกติ เพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อนหรือการทำงาน
- ประหยัดพลังงาน ดูฉลากประสิทธิภาพพลังงานและเลือกเครื่องที่มีการจัดอันดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูง เพื่อประหยัดค่าไฟในระยะยาว
- ระบบควบคุม เลือกเครื่องที่มีระบบตรวจจับคุณภาพอากาศและควบคุมการทำงานได้อย่างอัตโนมัติ มีหน้าจอแสดงผลและสามารถปรับการทำงานได้ง่าย
- การบำรุงรักษา ควรเลือกเครื่องที่ไส้กรองสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย มีอะไหล่วางจำหน่ายสะดวก และค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนไส้กรองไม่แพงจนเกินไป
การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงจากผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ได้เป็นอย่างดี เพื่อให้คุณและครอบครัวสามารถหายใจได้อย่างปลอดภัยในบรรยากาศที่บริสุทธิ์ขึ้น
แนะนำ เครื่องฟอกอากาศ ที่ได้รับความนิยม
เครื่องฟอกอากาศที่ได้รับความนิยมและมียอดขายดีในประเทศไทย 5 รุ่น มีดังนี้
Xiaomi Mi Air Purifier 3H
- ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูงขึ้นเป็น 380 ลบ.ม./ชม. (จาก 310 ลบ.ม.)
- หน้าจอเป็นแบบสัมผัส OLED ตั้งระดับความเร็วลมได้ (รุ่น 2S ต้องปรับในมือถือหรือกดที่ปุ่มบน ตัวเครื่อง เพราะไม่ใช่จอสัมผัส)
- ควบคุมการทำงานด้วยจอสัมผัส
- ครอบคลุมพื้นที่ 48 ตารางเมตร
- พัดลมภายในแบบใหม่ มีพลังมากขึ้น และเสียงเบาลง
- ใช้ฟิลเตอร์กรองอากาศ True HEPA ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจาก EPA Class 12 เป็น HEPA Class 13
- รองรับ Google Assistant และ Alexa
- ขนาด 240*240*520 มม. – น้ำหนักเบาเพียง 4.8 กก. (รวมไส้กรอง)
SHARP FP-J30TA-A/B/P
- เหมาะกับห้องขนาด : 23 ตร.ม.
- การทำงานของพัดลม : 3 ระดับ
- ระดับความแรงของลม (สูง/กลาง/ต่ำ) (ลบ.ม./ชม.) : 180 / 120 / 60
- ระบบฟอกอากาศ : ระบบพลาสม่าคลัสเตอร์
- แผ่นกรองฝุ่น : HEPA
- ไฟแจ้งเตือนเมื่อต้องเปลี่ยนแผ่นกรอง : มี
- อายุการใช้งานแผ่นกรอง : สูงสุด 2 ปี (ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน)
- โหมดโปรแกรมพิเศษ : Haze mode (E)(L) / Anti-dust mode (Y) / Clean ion shower (TA)
- แรงดันไฟฟ้า/ความถี่กระแสไฟฟ้า (โวลต์/เฮิรตซ์) : 220/50
- กำลังไฟฟ้า (วัตต์) (สูง/กลาง/ต่ำ) : 50 / 30 / 13
- ขนาด (มิลลิเมตร) (ก x ส x ล) : 411 x 431 x 211
- น้ำหนัก (กิโลกรัม) : 4
Blueair Classic 205 PA
- รองรับห้องขนาด 26 ตารางเมตร
- CADR (ควัน) 306 m3 ต่อชั่วโมง (180 cfm)
- CADR (ฝุ่นผง) 340 m3 ต่อชั่วโมง (200 cfm)
- CADR (ละอองเกสรดอกไม้) 340 m3 ต่อชั่วโมง (200 cfm)
- การถ่ายเทอากาศต่อชั่วโมง 5 รอบต่อชั่วโมง (ACH)
- ขนาด (ส. x ก. x ล.) 530 x 440 x 210 mm (21 x 17 x 8 in)
- น้ำหนักผลิตภัณฑ์ 10 kg (22 lb)
- การใช้พลังงาน 20 – 80 watts
- ระดับเสียงรบกวน 32 – 56 dB(A)
- การควบคุมระยะไกล ได้ (ผ่านแอพ Blueair Friend)
- ตัวตั้งเวลาเปิด/ปิด ได้ (ผ่านแอพ Blueair Friend)
- ตัวระบุการเปลี่ยนแผ่นกรอง มี ตัวเลือกควบคุม
- ความเร็ว 1 – 2 – 3
Dyson Pure Cool ™ Air Purifier Fan TP00
- ให้ความเย็นแบบไม่มีใบพัด ไร้แรงปะทะลม ปลอดภัยในการใช้งานและทำความสะอาดง่าย พร้อมฟอกอากาศ
- ตั้งเวลาปิดเครื่องได้ ตั้งแต่ 15 นาที, 30 นาที, 45 นาที, 1 ชั่วโมง, 2 ชั่วโมง, … , 9 ชั่วโมง
- 360 Glass HEPA Filter และ Activated graphite แบบใหม่ เพิ่ม graphite 3 เท่า เพื่อช่วยฟอกแก็ส กลิ่น และไอระเหยภายในบ้าน พร้อม Tris coating ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฟอกสารฟอร์มาลดีไฮด์
- กรองอากาศบริสุทธิ์ระดับ PM 0.1 (0.1 ไมครอน) ได้ 99.95%
- เทคโนโลยี Air Multiplier ช่วยกระจายลมที่พุ่งตรง และนุ่มนวล
- หมุนส่ายได้ 70 องศา กระจายอากาศที่กรองแล้วไปทั่วทั้งห้อง
- รีโมทแบบโค้งและมีแม่เหล็ก ที่สามารถเก็บวางไว้ที่ด้านบนของเครื่อง
- ปรับความแรงลม 10 ระดับ และ ปริมาณลมที่ผ่าน 412 ลิตรต่อวินาที (at Max setting)
- ระดับเสียง 62 เดซิเบล (Max flow)
- แรงดันไฟฟ้า 220-240 โวลต์ ความถี่ 50-60 เฮิร์ตซ์ พร้อมความยาวสายไฟ 1.8 เมตร
- กำลังไฟที่ใช้ : 6W (Min setting) / 56W (Max setting)
- น้ำหนัก : 3.96 กก. (เครื่อง) / 5.38 กก. (กล่อง)
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) : 190 x 110 x 1,018 มม. (เครื่อง) / 219 x 219 x 1,131 มม.(กล่อง)
- สินค้ารับประกัน 2 ปี
SAMSUNG BESPOKE Cube รุ่น AX53A9370GE/ST
- Room Coverage (㎡) : 53 ตร.ม.
- CADR (CMH, ㎥/hr) : 413
- CFM : 243
- Power consumption [W] : 42W
- Noise (High, dB) : 50 dB
- Pre Filter
- Dust Collecting Filter
- Deodorization Filter
- Electric Field Sterilization
- UV LED FAN Sterilization
- Sensor : PM1.0, PM2.5, PM10, Gas (odor)
- Touch Control
- Mode : Auto Mode, Smart Mode, Sleep Mode, WindFree™ Mode, Timer Mode (App Only)
- Smart : WiFi Embedded, SmartThings Home Care, SmartThings App Support
- Dimensions (W x H x D) : 38 x 43.8 x 40.6 cm.
- Weight : 12.8 kg
รายการนี้ประกอบด้วยรุ่นที่ได้รับความนิยมในหลายระดับราคา ตั้งแต่ราคาประหยัดไปจนถึงระดับไฮเอนด์ เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถเลือกได้ตามงบประมาณและขนาดพื้นที่ใช้งาน
เครื่องฟอกอากาศ ต่อสู้ PM2.5 เพื่อเด็กและผู้สูงอายุ
เครื่องฟอกอากาศช่วยป้องกันฝุ่น PM2.5 สำหรับเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อผลกระทบจากมลพิษทางอากาศได้หลายประการ ดังนี้
- ลดความเข้มข้นของฝุ่น PM2.5 ในอากาศ เครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถกรองและดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ดี ช่วยทำให้อากาศในพื้นที่ปิดมีความบริสุทธิ์มากขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการสูดดมฝุ่นพิษเข้าสู่ร่างกาย
- ป้องกันผลกระทบทางสุขภาพ ฝุ่น PM2.5 สามารถซึมผ่านเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและกระแสเลือดได้ ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่างๆ เช่น ไอ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ซึ่งเป็นอันตรายโดยเฉพาะกับเด็กและผู้สูงอายุที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอกว่า เครื่องฟอกอากาศจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้
- ช่วยควบคุมอาการของโรคระบบทางเดินหายใจ เด็กและผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวอย่างหอบหืด ถุงลมโป่งพอง จะมีอาการกำเริบรุนแรงขึ้นเมื่อสัมผัสกับฝุ่นพิษ การใช้เครื่องฟอกอากาศในบริเวณที่อยู่อาศัยช่วยรักษาคุณภาพอากาศให้ดีขึ้น ทำให้สามารถควบคุมอาการเหล่านี้ได้
- สร้างบรรยากาศที่ปลอดภัยในการพักผ่อน เด็กและผู้สูงอายุต้องการพักผ่อนที่เพียงพอและการหลับนอนที่มีคุณภาพ การมีเครื่องฟอกอากาศในบริเวณที่อยู่อาศัยจะช่วยกรองอากาศให้บริสุทธิ์ สร้างบรรยากาศที่เหมาะสมต่อการพักผ่อน ลดผลกระทบจากฝุ่นพิษในระหว่างนอนหลับ
ดังนั้น การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศที่มีคุณภาพดีในสถานที่พักอาศัยของเด็กและผู้สูงอายุจึงเป็นมาตรการที่สำคัญในการลดความเสี่ยงจากฝุ่นพิษ PM2.5 เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของกลุ่มเปราะบางเหล่านี้
สรุปเรื่องการเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ
สรุปบทความเรื่องการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศเพื่อป้องกันฝุ่น PM2.5
การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 ซึ่งเป็นมลพิษทางอากาศที่ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพ ประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อ ได้แก่
- ประสิทธิภาพการกรองฝุ่น PM2.5 โดยเครื่องฟอกอากาศควรมีระบบกรองแบบ HEPA ที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึง 99.97% มีค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) สูง
- ขนาดพื้นที่ห้องที่ต้องการใช้งาน เพื่อเลือกขนาดของเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสม โดยทั่วไปแนะนำให้เลือกเครื่องที่มีค่า CADR ประมาณ 2/3 ของขนาดพื้นที่ห้อง
- ระดับเสียงที่เงียบในระหว่างการทำงาน เพื่อไม่รบกวนการพักผ่อนหรือกิจกรรมอื่นๆ
- ประหยัดพลังงาน โดยดูที่ฉลากประสิทธิภาพพลังงาน เพื่อประหยัดค่าไฟในระยะยาว
- ระบบควบคุมอัตโนมัติ สามารถตรวจจับคุณภาพอากาศและปรับการทำงานได้เอง
- การบำรุงรักษาที่ง่าย มีอะไหล่ไส้กรองให้เปลี่ยนและราคาไม่แพงจนเกินไป
การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีคุณสมบัติตามข้อแนะนำเหล่านี้ จะช่วยให้สามารถกรองฝุ่นละออง PM2.5 ออกจากอากาศภายในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสุขภาพของคุณและครอบครัว